เรือใบยืนหนึ่ง! เปิดอันดับสโมสรพรีเมียร์ลีกขาดทุนตลาดซื้อขายในรอบ 10 ปี

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขาดทุนในตลาดซื้อขายนักเตะเกือบ 1,000 ล้านปอนด์ (ราว 38,000 ล้านบาท) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่กระนั้นก็ยังไม่เท่ากับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรคู่อริร่วมเมืองที่ควักเงินเสริมทัพมากที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

 "ปีศาจแดง" มียอดขาดทุนสุทธิประมาณ 814.8 ล้านปอนด์ (ราว 30,962.4 ล้านบาท) หลังจากที่พวกเขาเซ็นนักเตะระดับสตาร์มาร่วมทัพหลายคนนับตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล 2011/2012 ยกตัวอย่าง ปอล ป็อกบา ซึ่งตอนนั้นมีค่าตัวเป็นสถิติโลกจำนวน 89 ล้านปอนด์ (ราว 3,382 ล้านบาท) ช่วงซัมเมอร์ปี 2016

    นอกจากนี้ยังมีนักเตะมากกว่า 7 รายที่รวมทั้ง อังเคล ดิ มาเรีย, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, โรเมลู ลูกากู และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ย้ายมาเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยมีค่าตัวตั้งแต่ 50 ล้านปอนด์ (ราว 1,900 ล้านบาท) ไปจนถึง 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,230 ล้านบาท)  ที่สำคัญ "ผีแดง" ถอนทุนจากการขายผู้เล่นบางคนออกไปได้ไม่ค่อยมากนัก

นั่นหมายความว่าทีมของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา สูญเงินในช่วงตลาดพ่อค้าแข้งตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมาด้วยจำนวนสุทธิถึง 814.8 ล้านปอนด์ จากการศึกษาของ แพดดี้ พาวเวอร์ บริษัทรับพนันถูกกฎหมายในประเทศอังกฤษ 

     ที่สำคัญในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น โดยความสำเร็จดังกล่าวต้องย้อนกลับไปในช่วงฤดูกาล 2012/2013 ในยุคที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่งกุมบังเหียน ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่มหาบุรุษชาวสกอตติช สวมบทกุนซือ "เร้ด เดวิลส์"

หลังจากหมดยุค "เซอร์เฟอร์กี้" ดูเหมือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะกลายเป็นทีมที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ทั้งๆ ที่พวกเขาทุ่มเงินซื้อนักเตะระดับสตาร์ดังมาเสริมทีม แต่ก็แทบจะไม่ได้มีลุ้นแชมป์ลีกเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่สูญเสียไปกับบรรดาผู้เล่นเหล่านั้น

    อย่างไรก็ตามการทุ่มเงินสร้างทีมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเทียบไม่ได้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะพวกเขาสูญเงินในตลาดนักเตะไปมากมายมหาศาล โดยทัพ "เรือใบสีฟ้า" ควักกระเป๋าจ่ายเงินเป็นว่าเล่นนับตั้งแต่ที่กลุ่มอาบูดาบีเข้ามาเทกโอเวอร์เมื่อปี 2008 

 หากนับย้อนไปในฤดูกาล 2011/2012  พวกเขาขาดทุนในตลาดพ่อค้าแข้งสุทธิกว่า 867.3 ล้านปอนด์ (ราว 32,957.4 ล้านบาท) โดยในเวลานั้นพวกเขาเซ็นสัญญากับสุดยอดนักเตะมากมาย รวมทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม  และ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกความเร็วสูงชาวอังกฤษ

กระนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมสมองเพชร ได้มีการพัฒนาในเรื่องของเกมรับด้วยการซื้อผู้เล่นกองหลังมาเสริมทัพอย่างเช่น จอห์น สโตนส์ และ ดานิโล่ ในขณะเดียวกัน "เรือใบสีฟ้า" ยังได้รับค่าตัวจากการขาย เลรอย ซาเน่ ปีกชาวเยอรมันให้กับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค จำนวน 45 ล้านปอนด์ (ราว 1,710 ล้านบาท) 

 ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ แมนฯ ซิตี้ เป็นสโมสรที่ขาดทุนสุทธิมากกว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ถึงสองเท่า โดยตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทีมของกุนซือแฟร้งค์ แลมพาร์ด ขาดทุนไปประมาณ 410.3 ล้านปอนด์ (ราว 15,591.4 ล้านบาท) โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยอดเงินของพวกเขาไม่สูงเนื่องจากความสมดุลในการขายผู้เล่นออกไปในราคาแพง หนึ่งในนั้นก็คือ เอแด็น อาซาร์ จอมทัพชาวเบลเยียม ที่ย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด ที่ว่ากันว่าอาจสูงถึง 150 ล้านปอนด์ 

    ในส่วนของ อาร์เซน่อล ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ลีกในช่วงหลายซีซั่นที่ผ่านมา  มียอดขาดทุนสุทธิจำนวน 380.3 ล้านปอนด์ (ราว 14,451.4 ล้านบาท) ขณะที่ ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นล่าสุด ขาดทุนไปประมาณ 335.6 ล้านปอนด์ (ราว 12,752.8 ล้านบาท) 

  "หงส์แดง" เซ็นสัญญานักเตะหลายคนอย่างเช่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ซึ่งทั้งหมดนี้มีค่าตัวในระดับที่สูงกว่า 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,140 ล้านบาท) ที่สำคัญนักเตะที่ทีมดึงมาร่วมทีม ผสมกับขุมกำลังที่มีอยู่ในเวลานี้ ทำให้พวกเขากลายเป็นสโมสรที่มีมูลค่านักเตะสูงที่สุดในโลกประมาณ 987.6 ล้านปอนด์ (ราว  37,528.8 ล้านบาท) 

     สำหรับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 271.6 ล้านปอนด์ (ราว 10,320.6 ล้านบาท) สูงกว่า "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า ที่มียอดขาดทุน 263.4 ล้านปอนด์ (ราว 10,009.2 ล้านบาท) และ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จำนวน 256.8 ล้านปอนด์ (ราว 9,758.4 ล้านบาท)

  ขณะที่ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ขาดทุนจำนวน 187.4 ล้านปอนด์ (ราว 7,121.2 ล้านบาท) ตามด้วย "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด  จำนวน 181.8 ล้านปอนด์ (ราว 6,904.4 ล้านบาท) ส่วน "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ตัวเลขสุทธิ 135.8 ล้านปอนด์ (ราว 5,160.4 ล้านบาท)